ทักษะที่จำเป็นกระบวนการทำงานงานช่าง

ทักษะที่จำเป็นกระบวนการทำงาน
http://pe2.isanook.com/ns/0/rp/r/w700h420/ya0xa0m1w0/aHR0cDovL3BlMi5pc2Fub29rLmNvbS9ucy8wL3VkLzM4Mi8xOTE0NDU4LzY2NDk4Ni0wMS5qcGc=.jpg
           ทักษะกระบวนการทำงาน คือ การลงมือทำงานด้วยตนเอง โดยมุ่งเน้นในการฝึกวิธีทำงานอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการทำงานเป็นรายบุคคล และการทำงานเป็นกลุ่ม ซึ่งสามารถทำงาน ได้บรรลุตามเป้าหมาย โดยกระบวนการทำงาน มีขั้นตอนตั้งแต่ การวิเคราะห์งาน การวางแผนการทำงาน การปฏิบัติงาน และการประเมินผลการทำงาน ดังที่ ชลอ บุญก่อ และคณะ (2548 : 8 -14) กล่าวว่า ทักษะกระบวนการทำงานช่างว่า ลักษณะของงานช่างมี 4 ลักษณะ และจะมีกระบวนการทำงานที่คล้ายคลึงกัน แต่จะแตกต่างกันบ้างในบางหัวข้อ   1. ทักษะกระบวนการทำงาน            กรมวิชาการ (2544 : 161-162) ให้ความหมาย ทักษะกระบวนการทำงานว่า  หมายถึง การลงมือทำงาน ด้วยตนเอง โดยมุ่งเน้นในการฝึกวิธีทำงานอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการทำงานเป็นรายบุคคล และการทำงานเป็นกลุ่ม ซึ่งสามารถ ทำงานได้บรรลุตามเป้าหมาย ได้แก่ การวิเคราะห์งาน การวางแผนในการทำงานการปฏิบัติงาน และการประเมินผล การทำงานสอดคล้องกับ ชลอ  บุญก่อ และคณะ (2548 : 17) ที่กล่าวว่า    ทักษะกระบวนการทำงาน หมายถึง การลงมือทำงาน ด้วยตนเอง โดยมุ่งเน้นในการฝึกวิธีทำงานอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการทำงานเป็นรายบุคคล และการทำงานเป็นกลุ่ม ซึ่งสามารถ ทำงานได้บรรลุตามเป้าหมาย และอธิบายถึงขั้นตอนของกระบวนการทำงานไว้ดังนี้              1.1 การวิเคราะห์งาน คือ การแจกแจงงานที่จะทำว่าเป็นงานประเภทใด หรือลักษณะใด ต้องใช้เครื่องมือและอุปกรณ์อะไรบ้าง มีขั้นตอนการปฏิบัติอย่างไร กล่าวคือ ฝึกให้ผู้เรียนมองงานโดยภาพรวมออกมาว่า จะต้องทำอย่างไร            1.2 การวางแผนในการทำงาน คือ การวางแผนว่าจะใช้วัสดุอุปกรณ์อะไรในการทำงานครั้งนี้  ต้องใช้เงินในการลงทุนมากน้อยอย่างไร กำลังงานในการทำงานอย่างไร  จะทำคนเดียวหรือต้องทำหลายคน ถ้าทำหลายคนจะแบ่งหน้าที่กันอย่างไร ตลอดจนกำหนดวิธีการทำงานให้เป็นขั้นตอนจนงานสำเร็จ  
           1.3 การปฏิบัติงาน คือ การให้ผู้เรียนได้ทำงานตามลำดับขั้นตอนที่วางแผนไว้  ฝึกให้มีลักษณะนิสัยที่ดีในการทำงาน โดยเริ่มจากการนำหลัก 5 ส. มาใช้ในกระบวนการทำงาน การใช้คุณธรรม จริยธรรม การสร้างสัมพันธภาพในการทำงาน เช่น พูดจาสุภาพ เหมาะสม มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่  ขยัน อดทนซื่อสัตย์ ฯลฯ และสามารถตรวจสอบการทำงาน ของตนเป็นระยะ
           1.4 การประเมินผลการทำงาน คือการประเมินผลทั้งการวางแผนก่อนการทำงาน ขณะปฏิบัติงาน และเมื่องานสำเร็จแล้ว โดยขั้นตอนในการวางแผนก่อนการทำงาน ให้ประเมินว่าได้วางแผนไว้รอบคอบรัดกุมหรือไม่ จะต้องเตรียมอะไรบ้าง ตรวจสอบดูแผน ที่วางไว้ว่าเป็นไปได้หรือไม่ ขณะปฏิบัติให้ประเมินว่าวิธีการทำงานเป็นอย่างไรบ้าง มีข้อบกพร่องที่จะต้องปรับปรุงอย่างไร และเมื่องานสำเร็จให้ประเมินว่าผลงานที่ออกมาเป็นไปตามจุดมุ่งหมายหรือไม่ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เพื่อจะได้แก้ไขและปรับปรุงผลงานของตนให้ดีขึ้น   2. ทักษะกระบวนการทำงานร่วมกับผู้อื่น            กรมวิชาการ (2544 : 163) อธิบายว่า ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น หมายถึง ทำงานเป็นกลุ่ม สามารถทำงาน ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ทำงาน อย่างมีกระบวนการทำงานและฝึกในการทำงานกลุ่มดังนี้              2.1 รู้จักบทบาทหน้าที่ภายในกลุ่ม เป็นการให้ผู้เรียนรู้จักการทำงานร่วมกัน รู้จักบทบาทหน้าที่ที่ตนเอง ต้องรับผิดชอบ ฝึกความเป็นผู้นำ ผู้ตาม โดยหมุนเวียนสับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่กันไปตามความเหมาะสม            2.2 มีทักษะในการฟัง การพูด การแสดงความคิดเห็น และการอภิปรายในกลุ่ม            2.3 มีคุณธรรมในการทำงานร่วมกัน เป็นการสร้างให้ผู้เรียนสามารถทำงานและอยู่ร่วมกันในสังคม ได้อย่างมีความสุข ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง คุณธรรมที่สำคัญที่ควรฝึกฝนได้แก่ ความรับผิดชอบในการทำงาน ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่สมาชิกในกลุ่ม การไม่เอาเปรียบผู้อื่น ฯลฯ            2.4 สรุปผลโดยการจัดทำรายงาน เป็นการฝึกให้ผู้เรียนรู้จักสรุปผลและฝึกให้เขียนรายงาน จากการปฏิบัติ เพื่อนำเสนอหน้าชั้นเรียนหรือส่งครูผู้สอน            2.5 นำเสนอรายงาน เป็นการนำผลการปฏิบัติงานกลุ่มรายงานหน้าชั้นเรียนหรือจัดนิทรรศการเป็นต้น
3. ทักษะกระบวนการทำงานกลุ่ม            กรมวิชาการ (2544 : 164) เสนอว่า กระบวนการทำงานกลุ่ม มีขั้นตอนดังนี้              3.1  การเลือกหัวหน้ากลุ่ม โดยการลงคะแนนเสียงด้วยเหตุผลและการหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันในการทำงาน ในแต่ละครั้ง              3.2  การกำหนดเป้าหมาย ให้ตกลงกันว่าเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการทำงาน คืออะไร อยู่ที่ใด            3.3  การวางแผนการทำงาน มีการร่วมกันวางแผนว่าจะทำอะไรบ้าง ทำอะไรก่อนหลังจะทำงานกันอย่างไร            3.4  แบ่งงานกันทำตามความสามารถและความถนัดของแต่ละคน            3.5  ลงมือปฏิบัติงานตามบทบาท หน้าที่ และขั้นตอนการปฏิบัติงานตามที่วางแผนไว้              3.6  ประเมินผลและปรับปรุงการทำงาน งานที่ทำมีผลงานอะไร มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร มีขั้นตอนการทำงานอย่างไร จะปรับปรุงการทำงานอย่างไร
4. ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา            ทักษะกระบวนการแก้ปัญหาเป็นกระบวนการที่ต้องการให้ผู้เรียนได้เกิดความคิดวิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ (กรมวิชาการ. 2544 : 164) เสนอว่าควรมีขั้นตอนดังนี้            4.1  สังเกต ผู้เรียนศึกษาข้อมูล รับรู้ และทำความเข้าใจในปัญหานั้นและเลือกแก้ปัญหาที่สำคัญ              4.2  วิเคราะห์ ผู้เรียนจัดลำดับข้อมูล หาความสำคัญและสาเหตุของแต่ละปัญหาและเหมาะสม            4.3  สร้างทางเลือก เปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสวงหาทางเลือกในการแก้ปัญหาอย่างหลากหลายซึ่งอาจมีการทดลอง ค้นคว้า ตรวจสอบ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบ กรณีที่ผู้เรียนทำกิจกรรมกลุ่มควรกำหนดหน้าที่ในการทำงาน            4.4  ประเมินทางเลือก พิจารณาข้อมูลทางเลือกต่าง ๆ แล้วประเมินทางเลือก ผู้เรียนต้องวางแผนปฏิบัติงาน เพื่อรายงานและตรวจสอบความถูกต้องของทางเลือก
 นอกจากทักษะที่เป็นพื้นฐานในการทำงานโดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่จะสามารถทำงานช่างอย่าง มีประสิทธิภาพ เกิดผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ตั้งไว้  ผู้ทำงานช่างยังต้องมีทักษะดังต่อไปนี้ 
ทักษะการแสวงหาความรู้
        ทักษะการแสวงหาความรู้ คือ การค้นคว้าหาความรู้ และสามารถสร้างความรู้ใหม่เพิ่มเติมได้อาจจะมาจากการคิด การศึกษา การทดลอง การค้นคว้า หรือปฏิบัติด้วยตนเอง แล้วนำมาวิเคราะห์เพื่อให้เกิดความรู้ใหม่ ซึ่งสัมพันธ์กับความรู้เดิมที่มีอยู่ โดยการศึกษาค้นคว้านั้น ไม่จำกัดว่าจะมาจากแหล่งความรู้ใด อาจเป็นความรู้ในห้องเรียน ความรู้ตามป้ายสถานที่ต่าง ๆ ไปจนสื่ออื่น ๆ
และการสืบค้นข้อมูลทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นต้น เราสามารถฝึกฝนทักษะการแสวงหาความรู้ได้ โดยเริ่มจากความสนใจหรือความต้องการของตนเอง แล้วอาจปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือจากบุคคลอื่น ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สนใจหรือต้องการทักษะการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองสามารถฝึกฝนได้จากการปฏิบัติต่อไปนี้
        1.กำหนดปัญหาในการสืบค้นข้อมูลความรู้คือการตั้งหัวข้อ ตั้งประเด็นในการศึกษาค้นคว้า กำหนดขอบเขตของหัวข้อหรือประเด็นที่ต้องการจะค้นคว้า พยายามอธิบายและแสดงความคิดเห็นต่อหัวข้อที่ต้องการจะสืบค้นข้อมูลความรู้
        2. การวางแผนในการสืบค้นข้อมูลความรู้ เมื่อคิดหาหัวข้อหรือประเด็นที่เราต้องการจะสืบค้นได้แล้ว ควรวางแผน กำหนดเป้าหมายว่าจะสืบค้นข้อมูลความรู้จากที่ใด อย่างไร ควรเริ่มต้นเมื่อใด เป็นต้น
        3.การดำเนินการสืบค้นข้อมูลความรู้ตามแผนที่กำหนดไว้คือ การดำเนินการสืบค้นข้อมูลความรู้ในหัวข้อที่ต้องการ ตามแผนงานที่วางไว้
        4.การวิเคราะห์ข้อมูลจากการสืบค้นความรู้ คือ การนำข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้ค้นหา หรือได้รับมา มาพิจารณาอย่างละเอียดถึงองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของข้อมูล รวมไปถึงการจำแนกจัดกลุ่ม และจัดลำดับข้อมูล
        5. การสรุปผลจากการสืบค้นความรู้และบันทึกและการบันทึกจัดเก็บเมื่อวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ได้ออกมาตามขอบเขตของหัวข้อที่กำหนดไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ควรบันทึกจัดเก็บข้อมูลที่รวบรวมมาได้ต่าง ๆ ในรูปแบบที่ง่ายต่อการค้นหา เช่น จัดเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ หรือสื่อบันทึกข้อมูลชนิดต่าง ๆจดบันทึกไว้ในสมุด ถ่ายสำเนาเอกสารเก็บไว้ในแฟ้ม เป็นต้น
ทักษะการจัดการ
        ทักษะการจัดการ หมายถึง ความสามารถของบุคคลหนึ่งที่สามารถจะจัดระบบงาน และระบบตนให้ทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนงานการจัดองค์กร การจัดหาคน การแบ่งหน้าที่ปฏิบัติงาน การควบคุมการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามที่กำหนด ไปจนถึงการติดตามและประเมินผล ทักษะการจัดการแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
        1. การจัดการระบบงาน (การทำงานเดี่ยว) โดยสามารถจัดสรรเวลาการทำงานให้เป็นระบบ ปฏิบัติงานตามกฎระเบียบแบบแผน และขั้นตอนต่างๆ รวมไปถึงการเป็นผู้ที่มองทางไกล ฉลาด มีไหวพริบ รอบรู้ ทันคน ทันเหตุการณ์ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และความกระตือรือร้นในการแสวงหาข้อเท็จจริง มีความมุมานะที่จะปฏิบัติงานให้สำเร็จตามเป้าหมาย รู้จักปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่อยู่เสมอ
        2. การจัดการระบบคน (การทำงานกลุ่ม) โดยมีความสามารถในการคัดเลือกคนเข้าทำงานแบ่งปัน จัดสรรคนให้เหมาะสมกับงาน มีความสามารถในการสร้างบรรยากาศในการทำงานสามารถชักจูงเพื่อนร่วมงานให้มีเป้าหมายเดียวกัน ร่วมมือ ร่วมใจกันทำงานจนสำเร็จ รวมถึงการเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ มีความขยัน อดทน ซื่อสัตย์และยุติธรรม เพื่อให้เพื่อนร่วมงานเกิดความพอใจ และเสมอภาค ยินดีที่จะทำงานด้วยความเต็มใจ
ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี
           ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยีนั้น เป็นทักษะและความรู้ที่จำเป็นที่จะต้องฝึกฝนและเรียนรู้ เพื่อให้มีสามารถปฏิบัติตนเพื่อรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีในกระแสโลกาภิวัฒน์ ซึ่งจำเป็นต้องมี
           1. ความรู้พื้นฐานด้านสารสนเทศ คือ สามารถพัฒนา จัดเก็บ สืบค้น และแพร่กระจายสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการทำงานและดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
           2. ความรู้พื้นฐานด้านสื่อ มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการใช้สื่อ ซึ่งมีอยู่มากมายในโลกปัจจุบัน และจะเพิ่มมากขึ้นในโลกอนาคต ต้องรู้เท่าทันทันสื่อ และใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงานได้
           3. ความรู้ทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นทักษะที่สำคัญ ที่จะต้องมีความสามารถในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสาร อย่างถูกต้อง และอย่างชาญฉลาด 
ทักษะชีวิตและการทำงาน
           

เป็นทักษะใหม่ที่ความสำคัญในการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่งประกอบด้วย
           1. ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัว คือ สามารถยืดหยุ่นและปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติงาน หรือ ชีวิตประจำวัน
           2. ความริเริ่มและการชี้นำตนเอง เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเนื่องจากเป็นทักษะที่ต้องพัฒนาให้ตัวเราสามารถดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้อง ไม่ดำเนินชีวิตผิดธรรมนองคลองธรรม หรือจริยธรรม รวมถึงกฎหมาย
           3. ทักษะทางสังคมและการเรียนรู้ข้ามวัฒนธรรม เนื่องจากในอนาคตการทำงานมิได้อยู่เพียงแต่ภายในประเทศเท่านั้น แต่การทำงานในอนาคตจะเปิดกว้างมากทั้งในระดับภูมิภาคอาเซียนและระดับโลก ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องมีการฝึกฝนทักษะทางสังคม และการเรียนรู้และทำงานข้ามวัฒนธรรมของต่างประเทศได้
           4. การเพิ่มผลผลิตและความรู้รับผิด คือ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มผลผลิตให้กับองค์กร รวมถึงการรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้ทำขึ้น
           5. ความเป็นผู้นำและความรับผิดชอบ ประการสุดท้ายคือ จะต้องฝึกความเป็นผู้นำและมีความรับชอบต่อหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมาย และความรับผิดชอบต่อสังคม (ดร. สุขุม เฉลยทรัพย์ และคณะ. 2555 : 220) 
        สรุป
               คุณลักษณะผู้ทำงานช่างที่ดี จะต้องเป็นคนดีมากกว่าคนเก่ง ได้แก่ มีความขยันอดทน ซื่อสัตย์สุจริตประหยัด มีวินัย มีความรับผิดชอบมีบุคลิกภาพดี  ตรงต่อเวลา มีความคิดสร้างสรรค์  มีความกระตือรือร้น  มีความปลอดภัยและเชื่อมั่นในพลังความคิด  เป็นต้น  และคุณลักษณะด้านความรู้และทักษะวิชาชีพ จะต้องมีความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติงานในหน้าที่ตามสายงาน และงานที่เกี่ยวข้องด้วยความชำนาญ มีทักษะ คำนึงถึงปลอดภัยมีประสบการณ์ในงาน นอกจากนี้ต้องเป็นผู้ที่แสวงหาความรู้ที่ทันสมัย และทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ รวมทั้งมีมีการพัฒนาตนเอง ตลอดเวลาในสาขาวิชาชีพ และใช้เหตุผลในการทำงาน

1 ความคิดเห็น: